ดารานักแสดงอาวุโส "ป้าจุ๊" จุรี โอศิริ เสียชีวิตแล้ววัย 83 ปี ด้วยโรคชราเมื่อวานนี้ ที่บ้านเกิดจังหวัดเชียงราย ตั้งศพบำเพ็ญกุศล วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
ดารานักแสดงหญิงรุ่นเก่า ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคชรา ในวัย 83 ปี เมื่อคืนวานนี้ ที่บ้านเกิดจังหวัดเชียงราย โดยเบื้องต้นญาติได้ดำเนินการเตรียมรับศพมาตั้งบำเพ็ญกุศล ที่ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร (วัดมกุฏ) ในวันนี้
ซึ่งป้าจุ๊ เป็นที่รู้จักของคนในวงการบันเทิง จากผลงานละครและงานภาพยนตร์เรื่องต่างๆ อาทิ ภ.บ้านสาวโสด (2513) ภ.คนกลางเมือง (2531) ภ.รอยไถ (2532) ภ.ม.3 ปี 4 เรารักนาย (2552) และยังเป็นนักพากษ์เสียงที่เป็นที่รู้จักกันอย่างมาก ในวงการนักพากษ์เสียงของไทย ซึ่งนอกจากนี้ ป้าจุ๊ จุรี โอศิริ ยังได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักพากย์และนักแสดง) ประจำปีพุทธศักราช 2541 อีกด้วย
วันนี้(25ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการ
บันเทิง หลังได้รับการเปิดเผยจากพนักงานบริษัท เป่า จิน จง จำกัด
ว่านางจุรี โอศิริ หรือป้าจุ๊
ดารานักแสดงรุ่นใหญ่ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ด้วยโรคชรา ในวัย 83
ปี ภายในบ้านพักในต.แม่สลองใน จ.เชียงราย เมื่อเวลา 00.50 น.วันนี้
ภายหลังเข้านอนตามปกติเมื่อค่ำวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยป้าจุ๊
เดินทางมาพักอาศัยอยู่ที่จ.เชียงรายตั้งแต่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมหลายพื้นที่
รวมถึงในกรุงเทพมหานครด้วย โดยตลอดเวลายังไม่ได้เดินทางออกไปไหน
มีพยาบาลพิเศษคอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา
และจะมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยตามประสาคนชรา
การจากไปในครั้งนี้ไม่ได้มีการสั่งเสียหรือลางสังหรณ์แต่อย่างใด
ขณะที่นายนพพล โกมารชุนหรือตู่ บุตรชายและปรียานุช ปานประดับ
ภรรยากำลังทำงานอยู่กับการถ่ายทำละครเรื่องมุกเหลี่ยมเพชรทางไทยทีวีสีช่อง 3
เบื้องต้นรับแจ้งว่าปรียานุช จะเดินทางไปรับศพของป้าจุ๊ ที่จ.เชียงราย
ด้วยตัวเอง โดยจะลำเลียงกลัมมาทางเครื่องบินเพื่อนำมาบำเพ็ญกุศล ณ
วัดมกุฏกษัตริยาราม มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันพรุ่งนี้(26ม.ค.)เวลา
17.00 น. ตั้งสวดอภิธรรมจนถึงวันที่ 1
ก.พ.ส่วนพิธีฌาปณกิจศพนั้นคงต้องรอให้ทางครอบครัวปรึกษากันอีกครั้ง
ภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของป้าจุ๊ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังกองถ่าย ละครมุกเหลี่ยมเพชร เพื่อขอสัมภาษณ์ความรู้สึก ผู้กำกับตู่ หรือนายนพพล แต่ไม่ได้สัมภาษณ์แต่อย่างได้ ได้แต่เพียงสังเกตุเห็นว่ามีสีหน้าเคร่งเครียด และได้รับการเปิดเผยจากทีมงานว่า คงยังเสียใจกับการจากไปของมารดาอยู่ แต่งานก็ต้องเร่งทำเพราะใกล้ปิดกล้องแล้ว อีกทั้งละครเป็นแบบถ่ายไปออนแอร์ไปจะวางมือไม่ได้ทันที
ประวัตินางจุรี โอศิริ เกิดเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2473 บิดาชื่อ นายเตียง โอศิริ เป็นคนไทยคนแรกๆ ที่ทำกิจการผลิตแผ่นเสียงในนามของห้างฮัมบูร์กสยาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นเสียงตราสุนัขยืนฟังลำโพง ทำให้ได้ซึมซับกับบรรยากาศของเสียงเพลง ต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์ กรมศิลปากรในที่สุด จุรีมีความในใจด้านการเต้นรำ เช่น บัลเล่ต์ และการร้องรำทำเพลงแบบสากลต่าง ๆ จึงได้เลือกเรียนเอกทางด้านนาฏศิลป์และขับร้องเพลงสากลจนจบชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 จนได้ทำงานวงการบันเทิงเต็มตัว ในหลากหลายด้าน ทั้งขับร้องเพลงโดยเป็นนักร้องหน้าม่านสลับละครของคณะผกาวลี และคณะศิวารมย์ ต่อมาแสดงเป็นนางเอกในละครเพลงเรื่อง “นเรศวรมหาราช” และได้เข้าไปเป็นนักร้องประจำวงดุริยางค์ทหารบก วงสุนทราภรณ์ จนมาได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก รับบทเป็นนางเอกในเรื่อง “สุภาพบุรุษจากอเวจี” กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต ซึ่งนอกจากแสดงเป็นนางเอกแล้วยังพากย์เสียงนางเอก ถือเป็นการเริ่มต้นพากย์ภาพยนตร์เป็นครั้งแรกด้วย
ด้านการพากย์เสียง ได้พากย์ให้กับดาราหญิงและเด็กทั้งหญิงชายในหลากหลายบทบาททั้งนางเอก นางรอง ตัวอิจฉา และตัวประกอบมากมายนับไม่ถ้วน อาทิ อมรา อัศวนนท์ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง วิไลวรรณ วัฒนพานิช กัณฑรีย์ นาคประภา เพชรา เชาวราษฎร์ พิศมัย วิไลศักดิ์ ภาวนา ชนะจิต เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ลลนา สุลาวัลย์ ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ นันทนา เงากระจ่าง ฯลฯ โดยผลงานการพากย์เสียงของป้าจุ๊ มีหลายคนที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองและสุพรรณหงส์ทองคำ และเคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพากย์ภาพยนตร์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ในฝูงหงส์ สาวน้อย นกน้อย แม่นาคพระโขนง
เกียรติประวัติในวิชาชีพที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ป้าจุ๊เป็นอย่างสูง ก็คือการที่เคยได้พากย์ภาพยนตร์ถวายในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรหลายครั้ง และท่านยังได้รับรางวัลเกียรติยศจากทั้งการพากย์ และการแสดงภาพยนตร์หลายรางวัล ได้แก่ รางวัลสำเภาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง โบตั๋น,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง นกน้อย เมื่อปี 2507,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้แสดงประกอบยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง วัยตกกระ เมื่อปี 2522,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ไร้เสน่หา เมื่อปี 2522,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เทพธิดาโรงแรม เมื่อปี 2525,รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะดาราสมทบยอดเยี่ยม จากละครโทรทัศน์เรื่อง สายโลหิต ประจำปี 2529,รางวัลวิก 07 ทองคำ ในฐานะดาราผู้ชนะใจกรรมการ ประจำปี 2533,รางวัลวิก 07 ในฐานะดาราผู้ชนะใจผู้ร่วมงาน ประจำปี 2534และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักพากย์และนักแสดง) ประจำปี 2541
ยังได้ร่วมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงละครการกุศล การขับร้องเพลงในคอนเสิร์ตการกุศล และอื่นๆ ทั้งยังเป็นศิลปินอาวุโสที่ให้ความเมตตาชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ดารารุ่น หลัง ท่านจึงเป็นที่เคารพรักใคร่ของบรรดาศิลปินรุ่นน้องและรุ่นลูกหลานทั้งหลาย ที่สำคัญก็คือท่านเป็นดาราผู้มีภาพพจน์ดีงามเป็นที่ชื่นชมของแฟนๆ ภาพยนตร์ และละครทั่วประเทศทุกเพศทุกวัยมาเป็นเวลายาวนาน คุณสมบัติที่ดีเด่นของท่านอีกประการหนึ่งคือ การที่ท่านเป็นผู้ที่ใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักแสดงอื่นๆ และประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ด้านชีวิตครอบครัวป้าจุ๊สมรสกับนายเสนอ โกมารชุน (พี่ชายของ เสน่ห์ โกมารชุน) มีบุตรชายคนเดียว คือ นพพล โกมารชุน หลังจากสามีเสียชีวิต ก็ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับนายสมชาย สามิภักดิ์ เป็นเวลา 50 กว่าปี จนกระทั่งสมชาย ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2552.
ภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของป้าจุ๊ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังกองถ่าย ละครมุกเหลี่ยมเพชร เพื่อขอสัมภาษณ์ความรู้สึก ผู้กำกับตู่ หรือนายนพพล แต่ไม่ได้สัมภาษณ์แต่อย่างได้ ได้แต่เพียงสังเกตุเห็นว่ามีสีหน้าเคร่งเครียด และได้รับการเปิดเผยจากทีมงานว่า คงยังเสียใจกับการจากไปของมารดาอยู่ แต่งานก็ต้องเร่งทำเพราะใกล้ปิดกล้องแล้ว อีกทั้งละครเป็นแบบถ่ายไปออนแอร์ไปจะวางมือไม่ได้ทันที
ประวัตินางจุรี โอศิริ เกิดเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2473 บิดาชื่อ นายเตียง โอศิริ เป็นคนไทยคนแรกๆ ที่ทำกิจการผลิตแผ่นเสียงในนามของห้างฮัมบูร์กสยาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นเสียงตราสุนัขยืนฟังลำโพง ทำให้ได้ซึมซับกับบรรยากาศของเสียงเพลง ต่อมาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนาฏศิลป์ กรมศิลปากรในที่สุด จุรีมีความในใจด้านการเต้นรำ เช่น บัลเล่ต์ และการร้องรำทำเพลงแบบสากลต่าง ๆ จึงได้เลือกเรียนเอกทางด้านนาฏศิลป์และขับร้องเพลงสากลจนจบชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 จนได้ทำงานวงการบันเทิงเต็มตัว ในหลากหลายด้าน ทั้งขับร้องเพลงโดยเป็นนักร้องหน้าม่านสลับละครของคณะผกาวลี และคณะศิวารมย์ ต่อมาแสดงเป็นนางเอกในละครเพลงเรื่อง “นเรศวรมหาราช” และได้เข้าไปเป็นนักร้องประจำวงดุริยางค์ทหารบก วงสุนทราภรณ์ จนมาได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก รับบทเป็นนางเอกในเรื่อง “สุภาพบุรุษจากอเวจี” กำกับการแสดงโดยครูเนรมิต ซึ่งนอกจากแสดงเป็นนางเอกแล้วยังพากย์เสียงนางเอก ถือเป็นการเริ่มต้นพากย์ภาพยนตร์เป็นครั้งแรกด้วย
ด้านการพากย์เสียง ได้พากย์ให้กับดาราหญิงและเด็กทั้งหญิงชายในหลากหลายบทบาททั้งนางเอก นางรอง ตัวอิจฉา และตัวประกอบมากมายนับไม่ถ้วน อาทิ อมรา อัศวนนท์ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง วิไลวรรณ วัฒนพานิช กัณฑรีย์ นาคประภา เพชรา เชาวราษฎร์ พิศมัย วิไลศักดิ์ ภาวนา ชนะจิต เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ลลนา สุลาวัลย์ ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ นันทนา เงากระจ่าง ฯลฯ โดยผลงานการพากย์เสียงของป้าจุ๊ มีหลายคนที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองและสุพรรณหงส์ทองคำ และเคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพากย์ภาพยนตร์ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ในฝูงหงส์ สาวน้อย นกน้อย แม่นาคพระโขนง
เกียรติประวัติในวิชาชีพที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ป้าจุ๊เป็นอย่างสูง ก็คือการที่เคยได้พากย์ภาพยนตร์ถวายในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรหลายครั้ง และท่านยังได้รับรางวัลเกียรติยศจากทั้งการพากย์ และการแสดงภาพยนตร์หลายรางวัล ได้แก่ รางวัลสำเภาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง โบตั๋น,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง นกน้อย เมื่อปี 2507,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้แสดงประกอบยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง วัยตกกระ เมื่อปี 2522,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ไร้เสน่หา เมื่อปี 2522,รางวัลตุ๊กตาทอง ในฐานะผู้พากย์ยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เทพธิดาโรงแรม เมื่อปี 2525,รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะดาราสมทบยอดเยี่ยม จากละครโทรทัศน์เรื่อง สายโลหิต ประจำปี 2529,รางวัลวิก 07 ทองคำ ในฐานะดาราผู้ชนะใจกรรมการ ประจำปี 2533,รางวัลวิก 07 ในฐานะดาราผู้ชนะใจผู้ร่วมงาน ประจำปี 2534และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักพากย์และนักแสดง) ประจำปี 2541
ยังได้ร่วมกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ ไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงละครการกุศล การขับร้องเพลงในคอนเสิร์ตการกุศล และอื่นๆ ทั้งยังเป็นศิลปินอาวุโสที่ให้ความเมตตาชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ดารารุ่น หลัง ท่านจึงเป็นที่เคารพรักใคร่ของบรรดาศิลปินรุ่นน้องและรุ่นลูกหลานทั้งหลาย ที่สำคัญก็คือท่านเป็นดาราผู้มีภาพพจน์ดีงามเป็นที่ชื่นชมของแฟนๆ ภาพยนตร์ และละครทั่วประเทศทุกเพศทุกวัยมาเป็นเวลายาวนาน คุณสมบัติที่ดีเด่นของท่านอีกประการหนึ่งคือ การที่ท่านเป็นผู้ที่ใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักแสดงอื่นๆ และประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ด้านชีวิตครอบครัวป้าจุ๊สมรสกับนายเสนอ โกมารชุน (พี่ชายของ เสน่ห์ โกมารชุน) มีบุตรชายคนเดียว คือ นพพล โกมารชุน หลังจากสามีเสียชีวิต ก็ได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับนายสมชาย สามิภักดิ์ เป็นเวลา 50 กว่าปี จนกระทั่งสมชาย ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2552.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ท่านสามารถแสดงข้อคิดเห็นที่เหมือน หรือ แตกต่างได้ครับ ขอความกรุณาใช้ถ้อยคำที่สุภาพด้วยครับ ขอบคุณครับ