7/31/2556

LINE สำหรับ PC ทั้ง Windows และ Mac

LINE สำหรับ PC ทั้ง Windows และ Mac


 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก line.naver.jp

         LINE แอพแชทข้ามแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับคนใช้สมาร์ทโฟนทั้ง iPhone และ Android LINE มีลักษณะการทำงานคล้าย ๆ กับ WhatsApp ที่ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์เพื่อยืนยันการใช้งาน แต่ LINE ได้เพิ่มลูกเล่นอื่น ๆ ให้น่าสนใจ เช่น สติกเกอร์การ์ตูนน่ารัก ๆ, สนทนาด้วยเสียงฟรี, สามารถปรับแต่งภาพวอลเปเปอร์และแชทแบบกลุ่มได้  เป็นต้น อ่านข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ LINE แอพฯ แชทสุดฮิตที่จะมาแทน WhatsApp
 
        ข่าวดีสำหรับแฟน ๆ LINE ล่าสุดทาง Naver ซึ่งเป็นผู้พัฒนาได้ออก LINE เวอร์ชั่นใหม่สำหรับใช้งานบน PC หรือเล่นบนคอมพิวเตอร์นั่นเอง โดยผู้ใช้สามารถที่จะใช้งานโปรแกรม LINE ได้ทั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS แต่การที่จะใช้บริการ LINE บนคอมพิวเตอร์ได้นั้น ผู้ใช้งานจำเป็นจะต้องมีบัญชี (Account) การใช้งาน LINE แอคเคาท์เดียวกันกับที่ใช้อยู่บนโทรศัพท์มือถือ เพราะระบบของ LINE จะต้องอ้างอิงจาก ID ของผู้ใช้งานเสียก่อน หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือผู้ที่จะใช้ LINE บนคอมพิวเตอร์ได้นั้นจะต้องเป็น ID เดียวกับ LINE บนโทรศัพท์ เพราะต้องลงทะเบียนจากโทรศัพท์เพื่อเชื่อมต่อ ID LINE กับเวอร์ชั่น PC นั่นเอง

 

 วิธีการลงทะเบียน LINE เพื่อใช้งานบนคอมพิวเตอร์

 1. ให้เราเปิดแอพฯ LINE จากนั้นไปที่เมนู More > Settings > Accounts > Email Registration
 2. กรอกข้อมูลอีเมลเพื่อใช้ในการสมัคร LINE สำหรับใช้บนคอมพิวเตอร์
 3. โหลดโปรแกรม LINE แล้วติดตั้งลงบนคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย
 4. ล็อกอินเข้าใช้งาน LINE ด้วยอีเมลและพาสเวิร์ดที่สมัครไว้




หน้าตา LINE เวอร์ชั่น PC 

         LINE เวอร์ชั่น PC สามารถลงทะเบียนใช้งานได้แล้วสำหรับผู้ที่ใช้งาน Android และ iPhone โดยสามารถลงทะเบียนเชื่อมต่อผ่าน Email Registration จากแอพพลิเคชั่น


ดาวน์โหลด LINE เวอร์ชั่น PC

7/29/2556

แม่หม้าย

มี"แม่หม้าย"อยู่คนหนึ่งซึ่ง"สามีแกตาย"..แต่แก"ยังสาว"อยู่..
เกิดเหงาขึ้นมาเลยอยากได้"สามีใหม่"..โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้..
1.ไม่ทำร้ายทุบตีผู้หญิง
2.ไม่หนีไปเที่ยวกลางคืน
3.ต้องเก่งเรื่องบนเตียง(SEX)
แล้ววันรุ่งขึ้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแม่หม้ายก็เลยไปเปิด..

แม่หม้าย - สวัสดีค่ะ..มาหาใครค่ะ

ชายนิรนาม - ผมมาสมัครเป็นสามีคุณครับ

แม่หม้าย - คงจะไม่ได้หรอกค่ะ..ก็คุณ.."พิการ"..นี่ค่ะ

ชายนิรนาม - ทำไมล่ะครับ..ก็ผมมีคุณสมบัติครบนะครับ

แม่หม้าย - ข้อ1. คุณต้อง"ไม่ทำร้ายทุบตีผู้หญิง"นะค่ะ

ชายนิรนาม - ผมทำได้แน่นอน..เพราะ"ผมไม่มีแขน"นี่ครับ

แม่หม้าย - ข้อ2. คุณต้อง"ไม่หนีเที่ยวกลางคืน"นะค่ะ

ชายนิรนาม - ผมทำได้อยู่แล้ว..เพราะ"ผมไม่มีขา"..นะครับ
อย่าว่าแต่"กลางคืน"เลย.."กลางวัน"ก็ไม่ไปครับ..

แม่หม้าย - แล้ว..ข้อ3. ล่ะ"ต้องเก่งเรื่องบนเตียง"นะ(อันนี้สำคัญมากๆ)

ชายนิรนาม - คุณผู้หญิงลองคิดดู.."ผมไม่มีแขนไม่มีขา"...
แล้วผมเอา.......อะไร..???เคาะประตู..(ยิ้ม)

7/12/2556

เปิดตัว iOS 7 มีอะไรใหม่บ้าง?

  อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญจากงาน WWDC 2013 แอปเปิลได้ประกาศเปิดตัว iOS 7 ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนเวอร์ชั่นล่าสุดอย่างเป็นทางการ แน่นอนมันได้สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนแอปเปิลทั่วโลก เพราะ iOS 7 มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของแอปเปิล ด้วยอินเตอร์เฟซของ iOS 7 ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าฉีกความเป็น iOS แบบเดิม ๆ ไปทั้งหมด 

            สำหรับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่บน iOS 7 ครั้งนี้ถูกออกแบบโดย Jonathan Ive เป็นคนออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด มาพร้อมแนวคิด "Flat Design" ที่จะเน้นไปที่ความบาง, ตายตัว, เรียบง่ายและดูดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้หน้าใหม่ iOS 7 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่เพียบ ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องมีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลย 

Control Center

ios7

Control Center

            เชื่อว่าฟีเจอร์นี้น่าจะถูกใจสาวกแอปเปิลหลาย ๆ คนแน่นอน เพราะ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่มControl Center เปรียบเหมือนกับ SB Settings หรือ Toggle Settings ที่ผู้ใช้มือถือ Android หลายคนคุ้นเคย ฟีเจอร์นี้ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าตั้งค่าต่าง ๆ เบื้องต้นได้ วิธีการเรียกใช้ Control Center ก็ง่าย ๆ เพียงลากนิ้วจากหน้าจอข้างล่างขึ้นด้านบน ก็จะมีเมนูตั้งค่าต่าง ๆ แสดงขึ้นมา เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi/3G, เปิด Airplane mode, Bluetooth, Do Not Disturb, ปรับแสงหน้าจอ, ควบคุมการฟังเพลง, ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข และกล้อง เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่สะดวกมาก ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเจลเบรค iOS เพื่อเพิ่มฟีเจอร์แบบนี้เข้ามาอีกต่อไป 


Notification Center

ios7

Notification Center

            Notification Center ศูนย์รวมการแจ้งเตือนบน iOS 7 ได้ถูกปรับปรุงใหม่ โดยเพิ่มส่วน Today ที่แสดงสิ่งที่ต้องทำวันนี้ โดยดึงข้อมูลจากที่เราบันทึกไว้บนปฏิทิน ส่วน Missed จะรวม การแจ้งเตือนทั้งหมดที่เรายังไม่ได้เปิดดู เช่น ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Notification Center โดยเลื่อนลงมาดูได้แม้จะล็อกหน้าจออยู่ก็ตาม สำหรับ Notification Center ถือว่าปรับปรุงได้ดีและมีประโยชน์มากกว่าเดิม 


Multitasking

ios7

Multitasking

            ระบบ Multitasking แบบใหม่ที่ดีกว่า เพราะถูกออกแบบมาให้อนุญาตเฉพาะบางแอพพลิเคชั่นเท่านั้นแจ้งเตือนได้ หากแอพฯ ไหนไม่ได้ใช้งานก็จะถูกหยุดการทำงาน ซึ่งทางแอปเปิลได้เปลี่ยนค่าการวัดจากเดิมที่เป็น Active/Non-Active มาเป็นการวัด Priority ให้ความสำคัญกับแอพฯ ที่เรากำลังใช้งานอยู่ ส่วนแอพฯ ที่ไม่ได้ใช้ก็จะหยุดทำงาน ระบบ Multitasking แบบใหม่นี้จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น


Camera

ios7

Camera


            แอปเปิลได้ปรับปรุงแอพฯ Camera บน iOS 7 ใหม่ โดยเปลี่ยนอินเตอร์เฟซของกล้องและเพิ่มลูกเล่นแต่งภาพใส่ฟิลเตอร์ให้กับรูปภาพได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแอพฯ แต่งภาพอีกต่อไป ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ของกล้องถ่ายภาพยังเหมือนเดิม


Photo

ios7

Photo

            ในส่วนของแอพฯ Photo บน iOS 7 เพิ่มตัวเลือกในการแสดงภาพแบบตามสถานที่ หรือเลือกแสดงตามเวลาที่ถ่ายภาพเพื่อง่ายต่อการค้นหา และมี iCloud Photo Sharing ใช้สำหรับแชร์ภาพและวิดีโอ รวมถึงแชร์ภาพผ่าน AirDrop เพื่อส่งรูปภาพให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad และ iPod touch ได้


AirDrop 

ios7

AirDrop

            AirDrop สำหรับใครที่ใช้ MacBook น่าจะรู้จักกับฟีเจอร์นี้เป็นอย่างดี ไม่ได้เป็นฟีเจอร์ใหม่ แต่ทางแอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์ AirDrop เข้ามาอยู่ใน iOS 7 ด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพ ส่งภาพผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth ให้กับเพื่อนที่ใช้ iPhone, iPad หรือ MacBook ได้สะดวกกว่าเดิม 


Safari 

ios7

Safari 

            เว็บบราวเซอร์อย่าง Safari ก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันบน iOS 7 มีการปรับอินเตอร์เฟซใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนเมนูแท็บแบบใหม่และแสดงผลแบบ Full screen browsing รวมถึงสามารถซิงก์ข้อมูลได้กับ iCloud Keychain ระบบจัดการรหัสผ่าน และบัตรเครดิตที่จะเก็บไว้บน iCloud พร้อมทั้งซิงก์ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ และ Password Generator ที่ช่วยสร้างรหัสผ่านเมื่อเราสมัครหรือสร้างบัญชีบนเว็บผ่าน Safari 


iTunes Radio

ios7

iTunes Radio

            iTunes Radio บริการวิทยุออนไลน์ผ่านระบบ "สตรีมมิ่ง" (Streaming) ที่มีกว่า 200 สถานี ผู้ใช้สามารถเปิดฟังเพลงได้ทั้งบน iPhone, iPod Touch, iPad, Mac, Apple TV และบน PC โดยมีโฆษณา และสามารถแบ่งสถานีตามหมวดเพลง ส่วนคนที่ใช้ iTunes Match จะไม่มีโฆษณา ฟังแล้วถูกใจคลื่นไหนสามารถกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ สำหรับ iTunes Radio จะเริ่มเปิดบริการในอเมริกาก่อนเป็นที่แรก 


Siri 

ios7

Siri

            Siri ฟีเจอร์เก่า แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้น่าใช้งานกว่าเดิม โดย Siri บน iOS 7 ได้เพิ่มเสียงเลขาผู้ชายเข้ามา รวมถึงสามารถตอบโต้ในภาษาอื่นได้ และเพิ่มการค้นหาข้อมูลจาก Wikipedia และ Twitter 


App Store

ios7

App Store

            สำหรับ App Store บน iOS 7 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่เหมาะกับคนขี้เกียจอัพเดทแอพฯ บ่อย โดยแอปเปิลได้เพิ่มระบบอัพเดทแอพฯ อัตโนมัติโดยไม่ต้องกดเข้าไปอัพเดทเอง และไม่มีการแจ้งเตือนการอัพเดทมารบกวน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Apps Near Me ที่แนะนำแอพฯ ยอดนิยมในประเทศที่เราใช้งาน หรือแสดงแอพฯ ที่เป็นประโยชน์ที่เราอยู่ ณ ตอนนั้น


Find My iPhone 

ios7

Find My iPhone 


            Find My iPhone อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญของคนใช้ iOS ที่ใช้สำหรับตามหาหรือดูตำแหน่ง iPhone แอปเปิลได้ปรับปรุง Find My iPhone ใหม่เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นเรียกว่า "Activation Lock" ในกรณีที่ iPhone หายเมื่อเราใช้คำสั่งล็อกเครื่องจาก Find my iPhone ถึงแม้เครื่องจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็จะไม่สามารถ Activate เครื่องได้ การ Activate เครื่องได้จะต้องใช้ Apple ID ของเจ้าของเครื่องเท่านั้น 

Block Numbers

iOS 7

Block Numbers

          บล็อคเบอร์โทรศัพท์อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ใช้งาน iPhone หลายคนรอคอย สำหรับ iOS 7 แอปเปิลได้เพิ่มฟีเจอร์บล็อคเบอร์โทรศัพท์, ข้อความ (SMS) สามารถบล็อกเบอร์โทรศัพท์บุคคลที่ไม่ต้องการคุยด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ 


คุณสมบัติอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาของ iOS 7 

 iOS in the Car สามารถเชื่อมการทำงานของ iOS เข้ากับรถยนต์ เช่น โทรศัพท์ ข้อความ และแผนที่

 บล็อกเบอร์โทรศัพท์ สายเข้า, ข้อความ, FaceTime จากเบอร์และคนที่เราไม่ต้องการคุยด้วย

 สามารถใช้งาน Maps แบบ Night Mode หรือแผนที่โหมดกลางคืน

 Spotlight สำหรับค้นหาสิ่งที่ต้องการในเครื่องจะอยู่หน้า Home screen

 Flickr & Vimeo Integration

 FaceTime เฉพาะเสียงเท่านั้น

 ซิงก์ Notification ข้ามอุปกรณ์ได้ (Notification Sync)

 รองรับพจนานุกรม ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ 

 รองรับ Inclinometer เครื่องวัดการเอียงตัว หรือวัดองศาการทำมุม 

 รองรับ Wi-Fi HotSpot 2.0 

 Maps รองรับ Turn-by-turn แบบการเดิน

 PDF annotations

 เลิกใช้ระบบแท็กหน้าบุคคลและสถานที่ใน Photos

 วิดีโอรองรับ 60 เฟรมต่อวินาที

 รองรับเกมคอนโทรลเลอร์หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ควบคุมเกมจากนักพัฒนาภายนอก


iOS 7 รองรับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ? 

ios7

iOS 7

            เราได้เห็นฟีเจอร์เด่น ๆ ของ iOS 7 ไปแล้ว ซึ่งยังมีฟีเจอร์อีกหลาย ๆ ตัวที่ไม่ได้กล่าวถึงเอาไว้ไปลองกันเองนะครับ ส่วนตอนนี้มาดูกันว่า iOS 7 สามารถใช้งานกับ iPhone, iPad และ iPod touch รุ่นไหนบ้าง ? รุ่นที่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้แก่ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPad 2, iPad 3 (The New iPad), iPad 4 (iPad with Retina display), iPad Mini และ iPod touch 5th gen เท่านั้น ส่วนคนใช้ iPhone 3GS และ iPod touch 4th gen ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 7 ได้ 

            สำหรับใครที่เป็นนักพัฒนาสามารถดาวน์โหลด iOS 7 เวอร์ชั่น Beta ไปทดลองใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ใช้งานทั่วไปกำหนดการอัพเดท iOS 7 ตัวเต็มน่าจะอยู่ในช่วงเกือบ ๆ ปลายปี หรือประมาณช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นช่วงที่แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ และวันนั้นเราน่าจะได้อัพเดทเป็น iOS 7 ตัวเต็ม เหมือนครั้งเปิดตัว iPhone 5 และ iOS 6 ที่ผ่านมา 

เพิ่ม Like / เพิ่ม Like Fanpage / เพิ่ม Like Facebook / บริการเพิ่ม Like คุณภาพ 100%

ลูกค้าหลายคนที่ซื้อบริการ เพิ่ม Like แบบที่ได้เร็วๆ เพิ่ม Like ราคาถูกๆ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า Feedback เงียบมาก ซึ่งการ เพิ่ม Like ประเภทนี้คงเพิ่มได้เพียงอย่างเดียว คือ ความหน้าเชื่อถือของ Fanpage ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น !!!

บริการ เพิ่ม Like / เพิ่ม Like Fanpage / เพิ่ม Like Facebook ของเราเป็นบริการปล่อย Facebook Ads จริงๆ เพื่อ เพิ่ม Like คุณภาพ ซึ่งเป็น เพิ่ม Like จริง จากกลุ่มคนที่ชื่นชอบคุณจริงๆ และ นำมาซึ่งการขายสินค้าได้จริงๆ โดยโฆษณาจะอยู่ทางด้านขวามือ มี Report ชัดเจน พร้อมให้คำแนะนำ การจัดการ Fanpage เพื่อให้ Like สามารถเติบโตได้เองโดยธรรมชาติ ตามกาลเวลา

บริการของเรา
  1. รับทำโฆษณาผ่าน Facebook Ads เพื่อ เพิ่ม Like คุณภาพ
  2. ให้คำแนะนำ และ วิเคราะห์ Ads Type และ Customer Target ให้
  3. บริหารจัดการให้ค่า CPC ถูกที่สุด เพื่อให้ได้ Click และ เพิ่ม Like คุณภาพสูงที่สุด
  4. จัดทำ Report ส่งให้ทุกวันอาทิตย์ (1 ครั้ง / สัปดาห์)
  5. แบ่งค่าใช้จ่ายชัดเจน โปร่งใส ไม่มีเหมาจ่าย ไม่มีหมกเม็ด
  6. ฟรี !!! ค่าบริการ Promote Post ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
    * ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับทาง Facebook เอง
    * มี Report ส่งให้อย่างโปร่งใส ทุกวันอาทิตย์ (1 ครั้ง / สัปดาห์)
  7. แบ่งค่าใช้จ่ายชัดเจน โปร่งใส ไม่มีเหมาจ่าย ไม่มีหมกเม็ด
ค่าใช้จ่าย (แยกเป็น 2 ส่วนชัดเจน)
  1. ค่าจ้าง 2,000 บาท / เดือน
  2. ค่าโฆษณา ขั้นต่ำ 2,000 บาท / เดือน
    * มากน้อยขึ้นอยู่กับลูกค้าครับ เพิ่มลดได้
ตัวอย่าง

หากลูกค้าโอนเงินมาให้ 4,000 บาท จะถูกหัก 2,000 บาท เป็นค่าจ้าง ซึ่งจะปล่อย Ads จริง 2,000 บาท โดยจำนวนเงิน 2,000 บาท จะแสดงอยู่ใน Report ตอนจบ Campaign ครับ

ขั้นตอนการใช้บริการ
  1. แจ้งชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทร, อีเมล์ และ ชื่อ Fanpage / Website ที่เป็นเจ้าของ
  2. ทำการชำระค่าบริการ และ แจ้งการโอนเงินผ่านทาง SMS / Email โดยระบุ วันที่ เวลาโอน และ จำนวนเงิน เป็นต้น
  3. ทางเราจะเริ่มทำการโปรโมท และ จัดส่ง Report ทุกวันอาทิตย์ (1 ครั้ง / สัปดาห์)
ทางเราเน้นบริการ เพิ่ม Like คุณภาพ อาจไม่สามารถแข่งที่ความเร็วได้ แต่ Feedback 
ที่ได้จากการ เพิ่ม Like คุณภาพ Fanpage ไม่เงียบแน่นอน

รับเพิ่ม Follower / รับเพิ่ม Follower Instagram / เพิ่ม Follower Instagram / รับเพิ่ม Follower IG

ปัจจุบัน Instagram เข้ามามีบทบาทกับการขายสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะผู้ใช้งาน Instagram มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะอยู่บนมือถือ ง่ายต่อการพกพา ง่ายต่อการติดต่อ โดยเฉพาะร้านค้าเครื่องสำอางค์ และ เสื้อผ้า มักใช้ช่องทางนี้ในการโปรโมทสินค้าของตนบน IG
รับเพิ่ม Follower / รับเพิ่ม Follower Instagram / เพิ่ม Follower Instagram / รับเพิ่ม Follower IG

เป็นที่รู้กันว่า Instagram / IG ไม่มี Ads โฆษณาที่สามารถยิ่งเพื่อโปรโมท Instagram / IG ได้โดยตรง มีแต่การปั่น Follow ที่สามารถสร้าง Credit และ ความน่าเชื่อถือในระดับเริ่มต้นเท่านั้น ทางเราจึงได้พัฒนา Service นี้ขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าดังนี้

ราคา PACKAGE นอกเหนือจากนี้สามารถแจ้งได้ครับ !!!
1,000 Follower = 450 บาท
3,000 Follower = 650 บาท
5,000 Follower = 850 บาท
10,000 Follower = 1,290 บาท
15,000 Follower = 1,790 บาท
20,000 Follower = 2,490 บาท
40,000 Follower = 4,890 บาท
100,000 Follower = 9,490 บาท

หมายเหตุ : Follower ที่จัดทำขึ้นมีรายละเอียดดังนี้
  1. เป็นเพียงการเพิ่ม Credit ความน่าเชื่อถือ หวังผลทางด้านของการขายไม่ได้
  2. เพิ่ม Follower ช่องกลาง ไม่ใช้ Password ใช้แค่ Username Instagram / IG
  3. งานเสร็จหลังชำระเงิน 1-2 วันทำการ
  4. เป็น Follower จาก ID ต่างประเทศเพื่อเพิ่ม Credit / ความน่าเชื่อถือ เท่านั้น
  5. ระหว่างการเพิ่ม Follower ห้ามตั้ง Private
  6. เจาะกลุ่มลูกค้าไม่ได้
  7. กรุณาเก็บหลักฐานการชำระเงินไว้ทุกครั้งนะครับ

รับทำเว็บไซด์ / รับออกแบบเว็บไซด์ / รับตัด HTML CSS

เว็บไซด์เปรียบเหมือนหน้าร้าน แต่เป็นหน้าร้านที่อยู่บนโลกออนไลน์ สามารถนำเสนอขายสินค้าได้ตลอด 24 ชม. แต่หน้าเสียดายที่บางเว็บไซด์ ต่างมัวสนใจในรูปแบบที่สวยงามของเว็บไซด์ ที่เป็น Flash หรือ บางเว็บไซด์ผู้จัดทำเว็บไซด์ ไม่ได้รองรับการทำงานของ SEO เพื่อให้เว็บไซด์อย่างน้อยๆ สามารถเติมโตได้ด้วยตัวของมันเอง ด้วย Brand ของมันเอง

มุมมองที่ผิดพลาดในการทำเว็บไซด์
  • การทำเว็บไซด์ด้วย Flash ด้วยรูปแบบ Application ที่สวยงามทำให้ Google เข้าใจเว็บไซด์ของคุณได้ด้วยความยากลำบาก หากต้องวัดกับเว็บไซด์ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อรองรับการทำงานของ SEO คงแพ้หลุดรุ่ยแน่นอน
  • การทำเว็บไซด์ โดยไม่มีการปรับแต่ SEO on Page เบื้องต้นให้ทำให้เวลา Search ชื่อ Brand สินค้าของตัวเองแท้ๆ กับไม่เจอบนผลการค้นหา Google / Search ประเภทต่างๆ ที่ควรจะติด
* เว็บสวยแต่ไม่มีคนเห็น / ไม่มี Traffic จาก Search สิ่งที่ตามมา คือ ต้นทุนในการโฆษณาเว็บไซด์ มหาศาลที่ต้องการ ให้มีคนเจอเว็บไซด์สวยๆ ที่จัดทำขึ้น

บริการของเรา
  1. รับจัดทำเว็บไซด์
  2. รับออกแบบเว็บไซด์
  3. รับงานตัด HTML CSS
  4. รับปรับแต่งเว็บไซด์ เดิมให้ถูกต้องตามหลัก SEO Friendly
  5. รับทำ SEO on Page
สิ่งที่ท่านจะได้รับหลังใช้บริการ

ทางเรารับจัดทำเว็บไซด์ โดยยึดหลัก SEO Friendly ไม่ Spam ไม่ Spin Keywords ทำ SEO แบบถูกต้อง เติบโตได้ด้วยตัวของมันเอง ตามกาลเวลา ให้คำปรึกษาทางด้าน Online Marketing การปรับแต่ Content ให้ถูกต้องตามหลัก SEO และ ดูแลเว็บไซด์ของท่าน ตลอดการใช้บริการ

ค่าบริการ

Small Package
  • ค่าเขียนเว็บ หน้าละ 500 บาท
  • ค่าบริการ Web Hosting ไทย 1,500 บาท / ปี * Host นอกแจ้งมาอีกทีนะครับ
  • ค่าโดเมนเนม .COM 499 บาท / ปี , .CO.TH 1,000 บาท / ปี * Dot อื่นๆ แจ้งมาอีกทีนะครับ
  • ค่าดูแล Update เว็บไซด์ เดือนละ 1,000 บาท ปีละ 10,000 บาท
    * Update ได้เดือนละ 4 ครั้ง (ตามความเหมาะสม)

Business Package
  • คิดราคาเหมารวม หลายหน้า 5,500 บาท
  • ค่าบริการ Web Hosting ไทย 1,500 บาท / ปี * Host นอกแจ้งมาอีกทีนะครับ
  • ค่าโดเมนเนม .COM 499 บาท / ปี , .CO.TH 1,000 บาท / ปี * Dot อื่นๆ แจ้งมาอีกทีนะครับ
  • ค่าดูแล Update เว็บไซด์ เดือนละ 2,000 บาท ปีละ 20,000 บาท
    * Update ได้เดือนละ 10 ครั้ง (ตามความเหมาะสม)

ทำ Google Adwords หรือ SEO ดี / อย่างไหนดีกว่ากัน / อย่างไหนคุ้มค่ากว่ากัน

เป็นอีกคำถามนึ่งที่ว่า จะทำ Google Adwords / SEO ดี อย่างไหนที่ตอบโจทย์ อย่างไหนที่ดีกว่ากัน และ คุ้มค่าที่จะลงทุนที่ต้องจ่ายไป ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า คุณเข้าใจ Google Adwords และ SEO ดีหรือยัง ? ถ้ายังลองมาทำความเข้าใจ แบบสั้นๆ กันก่อนดังนี้
  • Google Adwords คือ การซื้ออันดับการแสดงผลบนเว็บไซด์ Google ตัวอย่างเช่น หากเราต้องการคำว่าออกแบบบรรจุภัณฑ์ / ออกแบบโลโก้ ก็ซื้อมันซะ ทุกๆ ครั้งที่มีคน Search คำๆ นี้ Ads โฆษณา หรือ Google Adwords ที่เราได้ซื้อไว้ก็จะแสดงผลขึ้นมา เป็นต้น
     
  • SEO จริงๆ แล้ว คือ การปรับแต่งเว็บไซด์ ให้ Google สามารถเข้ามาเก็บข้อมูลเราได้ง่ายๆ หรือ ที่เรียกว่า SEO Friendly คือ ง่ายต่อการเก็บ ง่ายต่อการเข้าใจว่าเว็บนั้นคืออะไร และ ทำให้เชื่อว่าเราคือ อันดับ 1 โดย Google ใช้ปัจจัยที่มาจัดอันดับกว่า 200 ปัจจัย SEO เลยทีเดียว
คราวนี้เรามาลองตอบคำถามกันดูว่าจะเลือกอะไรดี ? Google Adwords หรือ SEO
เลือก Google Adwords ในกรณีนี้
  1. เว็บใหม่ : หากเปิดเว็บใหม่ Google ต้องใ้เวลาเก็บข้อมูล หรือ จัดอันดับ โดยทั้วๆ ไปประมาณ 3 เดือน เพื่อ เก็บค่าคะแนนว่าจะให้อยู่กันดับไหนใน Google
  2. เว็บเป็น Flash / โครงสร้าง Code ห่วย ไม่ติด Search อันนี้ อาจเน้นความสวยงาม เน้น Brand + รวยสิ้นดี ก็ต้องใช้Facebook Ads / Google Adwords เพื่อดึง Traffic เข้ามาเพราะเว็บไม่มีความสามารถในด้านของ SEO
  3. เก็บตก Keywords ที่เกี่ยวข้อง : กรณีนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า ทำ SEO ให้ตายยังไงก็ไม่ Cover Keywords ทั้งหมดที่ต้องการให้ติด Search ได้ เลยต้องใช้ Google Adwords มาเก็บตก Keywords ที่ยังไม่ติด Search, มีการแข่งขันน้อย และ มีราคา Bid ต่ำ เป็นต้น
เลือกทำ SEO ในกรณีนี้
  1. เว็บมี Content ปริมาณมาก : แน่นอนครับว่า SEO เหมาะมากัยเว็บที่มีเนื้อหาสาระเยอะๆ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น Content is the King นะครับ คือ ต้องเป็น Content ที่สามารถอ่านได้ ไม่มั่ว ไม่ก็อบ ใครมา ก็จะสามารถทำ SEO แบบ Long-tail ได้เลย คือ Keywords ติดยาวเป็นหางว่าวเลย เพราะ Content ดีมีคุณภาพ
  2. ต้นทุนในการโฆษณาไม่มาก : ไม่สามารถจ่ายค่า Google Adwords ตลอดไปได้ หรือ ต้องการจ่ายในปริมาณที่น้อยลงเป็นต้น
  3. ไม่เร่ง ไม่รีบ ในการโปรโมทเว็บไซด์ : ปรับไปเรื่อยๆ ได้เวลาเหลือเฟือ
  4. เจ๋งเรื่อง Code / SEO : มั่นใจว่าฝีมือดี เว็บดี ยังไงก็ติด Search
ข้อควรระวัง
  • การจ้างงานทำ SEO ต้องดูในระดับที่ น่าเชื่อถือ ไม่ Spam เว็บเรามากจนเสีย Brand เพราะเดี๋ยวคนจะเกลียจเอา ให้เค้าจำเราไม่ได้เลยดีกว่า จำได้ว่า ต้องระวังในส่วนของระยะเวลา เพราะติด Search เร็วไปก็ไม่ดี เพราะน่าสงสัย และ อาจโดน Deindex ได้ คือ หากไปจากการค้นหาเลย เป็นต้น
  • การจ้างงาน Google Adwords ต้องดูว่าเค้าน่าเชื่อถือหรือเปล่า มี Report ให้ดูไหม ที่สำคัญ Google Adwords ไม่มีระบบเหมาจ่าย Sale ตั้งราคาเหมาจ่ายถูกเวอร์ ระวัง ! Sale ตั้งราคาแพงเวอร์ ต้องระวังมากกว่า ! เพราะคงคิดไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่เกินนี้ ทำให้แทนที่ลูกค้าจะจ่ายแค่ X แต่กลายเป็น X + Y + Z เจริญเลยคราวนี้

Email Marketing / รับส่ง Email Marketing / รับส่ง EDM / รับส่ง E-News

Email Marketing ยังคงเป็นการโปรโมทร้านค้า / เว็บไซด์ ที่ได้ผล และ มีต้นทุนต่ำที่สุด อีกทั้งยังง่ายต่อการจัดการ และ จัดทำแต่ละ Campaign ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราสามารถส่งอีเมล์ และ ทำการ Tracking ข้อมูลต่างๆ ดังนี้ ส่งอีเมล์ไปแล้วกี่อีเมล์, เปิดอ่านอีเมล์แล้วหรือยัง, เปิดอ่านแล้วคลิกเข้ามายังเว็บไซด์เราหรือไม่, กรอกรายชื่อที่ไม่ต้องการรับอีเมล์ออกไป โดย เราให้บริการ รับส่ง Email Marketing, รับส่ง EDM, รับส่ง Newsletter และ รับส่งอีเมล์

บริการของเรา
  • จัดทำ E-News, EDM, Email Marketing, Newsletter / ใส่ Link / กำหนดช่วงเวลาส่ง
  • ทำการส่ง Test เพื่อให้ลูกค้า Confirm รูปแบบที่ถูกต้อง
  • ทำการ Tracking Report และ จัดส่งให้ลูกค้า
สิ่งที่ต้องส่งให้ทางเรา
  • รายชื่ออีเมล์ ที่ท่านต้องการจะส่ง
  • ช่วงเวลาที่ต้องการส่งอีเมล์
  • แจ้งจำนวนอีเมล์ ที่ต้องการส่ง
  • กำหนด Link ว่าจะให้ Link ไปที่ไหน
  • รูปภาพ Banner ที่ต้องการส่ง หากไม่มี Design ทางเรารับ Design ให้ 500 บาท / 1 ชิ้นงาน
ค่าบริการ
  • 2,000 อีเมล์ ค่าบริการ 1,200 บาท / เดือน
  • 10,000 อีเมล์ ค่าบริการ 1,800 บาท / เดือน
  • 20,000 อีเมล์ ค่าบริการ 2,500 บาท / เดือน
  • 50,000 อีเมล์ ค่าบริการ 3,800 บาท / เดือน
  • 100,000 อีเมล์ ค่าบริการ 5,800 บาท / เดือน
  • 150,000 อีเมล์ ค่าบริการ 7,500 บาท / เดือน

รับเขียนบทความ ภาษาไทย / ภาษาอังกฤษ / Content is the King

Content is the King ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำเว็บไซด์ เพื่อให้มีจำนวนคนเข้าเว็บไซด์จำนวนมาก หลายต่อหลายครั้ง เราเคยเข้าไปยังเว็บที่อ่านไม่ออก แต่ดังติด Search ซะงั้น คงทำให้เราผู้อ่านเสียอารมณ์ไม่น้อย โดยเว็บเหลานี้มักจะอยู่ไม่นาน หาก Google จับได้ก็จะทำการ De-Index ซะ ซึ่งหากเรามี Content ที่ดีอยู่ในเว็บไซด์เราแล้ว ย่อยสร้างความได้เปรียบ ในเชิงของการมีเว็บไซด์ ที่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวของมันเอง เป็นต้น

ซึ่งสำหรับบางท่านอาจไม่มีเวลามานั่นเขียน นั่นปั่น Content หรือ หาข้อมูลเพื่อนำมาเขียน หรือ นำมาลงเว็บไซด์ ทางเราจึงได้จัดทำบริการเขียน Content คุณภาพขึ้นมาเพื่อให้ Content ที่เขียนขึ้นสามารถ ติด Search Engine และ ยังมีคุณค่าต่อคนอ่าน / ผู้เยี่ยมชมเว็บไซด์อีกด้วย

บริการของเรา
  • เขียนบทความคุณภาพ ไม่ Spin Keywords อ่านรู้เรื่อง มีสาระ
  • เขียนบทความเพื่อนำไปต่อยอดเป็น Blog / Website ที่ดีได้
  • เน้นคำสำคัญที่มีโอกาศติด Search Engine
  • ส่งบทความ ตามคิวงาน (โดยทั่วไปจะส่งให้ประมาณ 7 ทำการ)

สิ่งที่ต้องส่งให้ทางเรา
  • หัวข้อที่ต้องการให้เขียน
  • ลักษณะของบทความที่ต้องการ
  • ต้องการเน้น Keywords คำไหน

ค่าบริการ
  • บทความภาษาไทย ราคา 250 บาท / 1 บทความ / A4
  • บทความอังกฤษ ราคา 450 บาท / 1 บทความ / A4

หมายเหตุ
  • ความยาว 1 A4 (ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของบทความ ความหลากหลายของเนื้อหา)
  • จำนวนตัวอักษรโดยประมาณ 500 - 800
  • ตัวอักษรขนาด 14

ท้าทาย Google ด้วย Graph Search จาก Facebook.com

กระแส Facebook + กับเทคโนโลยี ที่ Support ทำให้ผู้คนที่อยู่บนโลกของ Online หรือ Social Medai ต่างชื่อชอบ ที่จะ Share กิจกรรม และ Status ต่างๆ บน Timeline ซึ่งแน่นอนว่า การ Share ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้น คือ การ Share รูปภาพต่าง บน Facebook

ด้วยจำนวนรูปภาพที่ถูก Share บน Facebook จำนวนมาก จึงเป็นที่มาของ NEW FEATURE สุดมหัศจรรย์ ของ Facebook.com นั่นก็ คือ Graph Search ความสามารถในการค้นหารูปภาพ โดยดึงข้อมูลจาก รายละเอียดภาพที่เราเขียนขึ้น ในแต่ละครั้งการ Post ซึ่งเราก็มักจะอธิบายว่าภาพนั้น คือ ภาพอะไร มีความเกี่ยวข้องกับอะไร เป็นต้น

ณ ปัจจุบัน Graph Search ยังคงเป็น ระบบทดลองใช้งาน ซึ่งในอนาคต อันใกล้นี้ ผู้ที่ถือครองข้อมูลต่างๆ อาจไม่ใช่ Google อีกต่อไป เพราะ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ถูก Share เพิ่มมากขึ้น ทุกๆ วัน รวมถึงข้อมูลต่าง อาจอยู่ในมือของ Facebook ก็เป็นไปได้ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจ หรือ อยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/about/graphsearch 

21 วิธีโปรโมทแฟนเพจ Facebook Fanpage ร้านอาหาร / ธุรกิจร้านอาหาร

อาหารถือเป็นปัจจัย 4 ที่เราทุกคน มักตั้งคำถามกัน ทุกๆ วันว่า " กินอะไรดีน้า...." และ ธุรกิจร้านอาหาร คงทำเงินได้ไม่น้อยเลยที่เดียว ซึ่ง ในปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ยุคของ Social Media เว็บไซด์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นคือ Facebook.com โดยร้านอาหารใด ไม่มี Fanpage ถือว่าตกยุค เพราะ Facebook Fanpage มีต้นทุนที่ต่ำมาก โดยอาจเริ่มจาก 0 – 100,000 บาท หรือ มากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่า Admin Facebook Fanpage นั้นๆ จะบริหารจัดการ Facebook Fanpage ของตนอย่างไร ?

โดยได้รวบรวมเทคนิค และ วิธีการดูแลจัดการแฟนเพจ Fanpage ร้านอาหาร และ เครื่องดื่ม ที่ชื่นชอบ โดยนำมาสรุป ได้ประมาณ 21 วิธี ดังนี้

  1. Post ทักทาย แฟนเพจบ้าง เช้า เย็น ก่อนนอน แต่อย่าบ่อยเกินไปจนน่ารำคาญ
  2. อย่า Spam Post เนื่องจากจะทำให้เกิดความรำคาญ และ อาจโดน Report และ Ban ได้
  3. แลก Like ไม่มีประโยชน์ ได้ Like วันนี้ Unlink วันหน้า เพราะไม่ได้ต้องการติดตามจริงๆ Like จริง ติดตามจริงๆ ชื่นชอบจริงๆ คนจริงๆ เล่น Facebook จริงๆ จะ สรรเสริญ ตบมือ ชื่นชม Like Share บอกต่อเพื่อน และ พูดแทนคุณ
  4. Update ข่าวสาร เทศกาล ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการ Like และ Share จาก Fanpage นั้นๆ
  5. อาหารเพื่อสุขภาพ ถ้ากินอย่างเดียวคงเป็นหมูแน่ๆ แต่ก็ยังอยากกินอยู่ดี แต่ทำยังไงล่ะ
  6. ให้ความรู้ของอาหารประเภทนั้นๆ บิ๊วอารมณ์ความอยาก
  7. อาหารเยอะ ค่อยๆ Post อย่า Post ทีเดียวหมด เพราะ เดีียวหมดมุก และ จะได้ขึ้น Feed หลายๆ รอบ จำนวนคนเห็นเมนูนั้นเยอะขึ้น
  8. Post รูปเมนูอาหารกระตุ้นต่อม หิว / รูปร้านอาหารสวยๆ
  9. อาหารเน้นๆ อาหารชัดๆ เพราะอาหารมีความ น่าสนใจอยู่ในตัว ดึงในส่วนนั้นมาแสดง ความคมชัด สีสัน ของภาพ ช่วยทำให้เกิดความอยากได้ง่ายขึ้น
  10. ตั้งเวลา Post และ เลือกเวลาช่วงเวลาให้เหมาะสม ก่อนเที่ยง ก่อนเลิกงาน เป็นต้น
  11. Respond ไว ตัดสินใจง่าย ถามปุ๊ป ตอบปั๊บ อย่างน้อยๆ ก็ได้ใจ และ 1 Like แน่นอน
  12. ใช้ Promote Post กับ Post สำคัญๆ เพื่อกระจายข่าวสาร และ ให้แฟนเพจ และ เพื่อนชวนเพื่อน
  13. ใช้ Facebook Ads เพื่อดึง Fanpage ร้านค้าคู่แข่ง หาลูกค้าจากลูกค้าของคน Fanpage อื่นๆ เพื่อเลือกตำเหน่งลูกค้าที่คาดว่าจะเป็น สามารถมาได้ ไม่ไกลจนเกินไป
  14. สะสมแต้ม แลกของรางวัล ส่วนลด
  15. รู้เขา รู้เรา มองหาจุดเด่นของตัวเอง แล้วดึงขึ้นมาแสดง ยอมรับจุดด้อย และ ปรับปรุงแก้ไข 
  16. เลียนแบบโปรโมชั่น หรือ กิจกรรมต่างๆ ของคู่แข่ง อย่างมีสติ!!!
  17. โปรโมทร้านใหม่ด้วยเว็บ Deal ต่างๆ อย่าลืม ใส่รายละเอียด Fanpage ล่ะ ซึ่งเว็บเหล่านี้ทำการยิ่ง Ads โฆษณารูปแบบต่างๆ ให้ และ Post ลงบน Fanpage ที่มีคน Like เป็นแสนๆ เพราะต้องการกินส่วนต่าง Commission ขายไม่ได้ก็ ไม่เสียอะไร แต่ปล่อย Deal ไปเพื่อโปรโมท
  18. นำ Link Fanpage ไป Post ในเว็บบอร์ด หรือ เว็บประกาศฟรีต่างๆ
  19. ทำ Short URL เพื่อง่ายต่อการจดจำ อาทิ Facebook.com/MyFooood เป็นต้น
  20. ข้อมูลร้านค้า การติดต่อ ชัดเจน อาทิ แผนที่ เว็บไซด์ เบอร์โทร อีเมล์ เป็นต้น
  21. แต่งร้านให้ดูสวยงาม น่าสนใจ น่าจดจำ

How to Use the Woobox Sweepstakes Application for Your Business’s Contest on Facebook

Woobox has some useful sweepstakes features for your business’s contest. The application is easy to set up and has a fan-only graphics page built in, or you can create one yourself to customize your campaign. Woobox is $29/month to use, and you unlock all of the Apps they have available with your subscription.

Sign up for Woobox

To get started using the Sweepstakes application, first go to the Woobox website. Then follow these steps:
  1. Click the red Try It Now button.
    You’re taken to Facebook to connect the app. You may have to switch to your personal Profile. Again, don’t worry about authorizing the app from your personal Profile, because you get to choose which Page the app will be connected to.
    You may notice that the app has already selected who can see it. Make sure the App posts are visible to either Everyone or at minimum Friends rather than Only Me in the drop-down box shown.
    image0.jpg
  2. Click the blue Go to App button.
  3. On the next page, click Allow.
    You’re taken to the Woobox dashboard, where you can manage your free Woobox apps and your paid apps.
    image1.jpg
From this dashboard, you can add sweepstakes, coupons, and other products to any of the Pages you manage.

Add a sweepstakes

To add a sweepstakes, follow these steps:
  1. Click the Sweepstakes link on the left sidebar of the Woobox dashboard.
  2. Click the Add a Sweepstakes hyperlink.
    You’re taken to the page.
    image2.jpg
  3. Add your sweepstakes details.
    The following list details more information about each of the fields on that page:
    • Title: Enter the title of your sweepstakes. The title can have a maximum 100 characters.
    • Description: You have a maximum 255 characters to describe your offer.
    • Restrictions: You may want to specify whether the rules call for one entry per person or one entry per person per day.
    • Start Date and End Date: Enter the start and end dates of your sweepstakes.
    • Page Width: Choose 810px Wide.
    • Open Graph Sharing: This option posts a story on the user’s Timeline, saying that he or she entered the contest, but the user must authorize the app to do so, which may decrease the entries you receive.
    • Fan-Gate: This option lets you allow people to enter your contest only after they like your Page — a good way to increase your likes. If you have a branded image, you can use it to tell people to click Like to enter. To enable this option, click the radio button next to one of the selections:
    • Entry Page: Accept the Default setting to show the text details you enter for your contest. If you have a branded image that tells more about your contest, select the Image radio button, and upload your image. If you want to use HTML code to enter information about your contest, select the HTML radio button, and add your code.
    • One Entry Per User: You can restrict the contest to one entry per user, one entry per day per user, one entry per Facebook Profile, or one entry per day per Facebook Profile by making a choice from the drop-down menu.
    • Award Bonus Entries: You can reward people for sharing your contest by permitting extra entries for sharing. In the text box, enter the number of extra entries people will receive for sharing your contest, and from the drop-down menu, choose how you want to keep track of those entries.
    • Post-Entry Page: You can upload a special image that appears after the person has entered your sweepstakes. This image must be a maximum 810 × 1200 pixels tall and no more than 400KB. You can encourage people to share your contest by checking Automatically Show Share Dialog Popup Window check box.
  4. Click the Save button at the bottom of the page.

Choose a payment plan

After you have your sweepstakes saved, you need to pay for a plan to enable the sweepstakes. Follow these steps:
  1. Click the Upgrade hyperlink at the bottom of the Sweepstakes form to choose a plan to pay for your sweepstakes.
    You’re taken to the outline of the plans. Most people need to select the Pro plan, which is the minimum required for a sweepstakes. If you need some of the other features or have more than 100,000 fans, you need the Pro100 or Pro250 plan.
  2. Select your plan.
  3. Click the Choose Account Level button at the bottom of the screen.
    The plan is saved.
  4. Click Billing on the left sidebar.
  5. Enter your credit-card information.
    You’ll be billed automatically for the monthly plan, so if you’re running a short contest, remember to stop your monthly plan when you’re done.

Add the sweepstakes to your Page

To add the sweepstakes to your Page, follow these steps fromWoobox:
  1. Click your name at the top of the Woobox site.
    You’re taken to the main dashboard.
  2. Click Sweepstakes on the left sidebar.
    Your sweepstakes are listed.
  3. Click the Install Facebook Tab hyperlink.
    You see the Facebook Page Tab & App Settings screen. This screen is where you manage your sweepstakes and see the statistics for your sweepstakes.
    image3.jpg
  4. Enter a name for your sweepstakes.
  5. Upload an image for your sweepstakes.
  6. Click Install Tab.
You selected the Page at the beginning of the process and should see the icon of the Page on which the tab will be installed at the top of the Woobox dashboard. If you need to change, click the Change hyperlink at the top of the Woobox page.
Your sweepstakes is now installed on your Page, and you can change the position of the app, as mentioned in the Wildfire steps previously.